เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนที่เพิ่งจะเริ่มเลี้ยงปลา หรือ ที่เลี้ยงมานานแล้ว จะต้องมีปัญหาหรือปวดหัวกับการจัดการคุณภาพของน้ำ (Water Quality Management) ซึ่งเป็นศาสตร์ที่ต้องเรียนรู้อย่างไม่มีวันจบทั้งทางภาคทฤษฏีและปฎิบัติ เพราะฉะนั้นเราค่อยๆมาเรียนรู้การจัดการเหล่าไปพร้อมๆกัน เพื่อที่จะให้ตู้หรือบ่อปลาของเรา มีปลาที่แข็งแรงและสมบูรณ์มากขึ้นกันดีกว่านะครับ
...............................................................................................
การทำกรองล่างใต้ตู้
โดยหลักการเบื้องต้นควรมีอย่างน้อย 3 ช่องนะครับ
ช่องที่ 1 ควรที่จะใส่ skimmer เพราะน้ำที่ออกจาก skimmer จะยังคงมีฟองเล็กๆ
อยู่ ถ้าอยู่ติดกับ pump ซึ่งใช้ดูดน้ำรันระบบ จะทำให้ตู้ปลาของเราเต็มไปด้วยฟองเม็ดเล็กๆครับ
ทำให้ตู้ดูขุ่นไม่สวยงาม และยังเป็นตัวที่ทำให้เกิดโรค Bubble disease ในตัวปลาได้อีกด้วยครับ
ช่องที่2 มีวัตถุประสงค์ดังนี้ครับ ทิ้งพื้นที่ให้ฟองอากาศจาก skimmer นั้นหายไป โดยไหนๆก็เหลือพื้นที่แล้วอาจจะใช้พวก
วัสดุกรองเช่น หินปะการัง หินภูเขาไฟ และใส่สาหร่ายพวงองุ่น
โดยสาเหตุเนื่องจากเพิ่มพื้นที่กระบวนการ biological น้ำจะไหลผ่านแบคทีเรียที่อายุอยู่บริเวณพื้นผิวของวัสดุกรอง
การใส่สาหร่ายพวงองุ่นก็จะใช้ Nitrate ในการเจริญเติบโตเช่นเดียวกันครับ
*ถึงแม้ว่า สาหร่ายพวงองุ่นจะสามารถลดปริมาณNitrate ได้ก็จริง
แต่ก็เป็นส่วนน้อยมาก ถ้าเทียบกับประสิทธิภาพจากโปรตีนสกิมเมอร์ครับ
ช่องที่ 3 เป็นช่องที่เอาไว้สำหรับดูดน้ำขึ้นไปบนตู้เพื่อวนเป็น วัฎจักรต่อไปเรื่อยๆนะครับ
การใช้วัสดุกรองกายภาพ เช่น ใยแก้ว ฟองน้ำ โดยหลักการสามารถใช้ได้ครับ
แต่ควรหมั่นเปลี่ยนอยู่บ่อย อาทิตย์ละ 1-2 ครั้งนะครับ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นวัสดุที่อุดมไปด้วย
Ammonia เนื่องจากตะกอนที่ถูกดักนั้นแปรสภาพครับ
ทั้งนี้ สามารถดัดแปลงได้ตามไอเดียได้เลยนะครับ
ด้านบนเป็นแค่ตัวอย่างง่ายๆของการทำกรองครับ
ข้อควรระวังของการทำกรองอีกอย่างคือเรื่องระดับน้ำ
ซึ่งจะมีผลต่อการทำงานของ โปรตีนสกิมเมอร์ค โดยปกติ skimmer แต่ละรุ่น
ยี่ห้อ จะมีกำหนดระดับน้ำว่าควรสูงมากน้อยแค่ไหน
สามารถสอบถามร้านค้าที่เราไปซื้อได้เลยนะครับ เพราะ ถ้า ระดับน้ำสูงหรือ ต่ำไปโปรตีนสกิมเมอร์คจะมีประสิทธิภาพไม่เต็มที่
หินเป็น (live rock)
หินเป็น (live rock) เป็นชื่อที่ผมคิดว่าน่าจะทับศัพท์มาจากภาษาอังกฤษแบบตรงตัว
โดยจริงๆแล้วหินเป็นก็คือซากปะการังที่ตายแล้ว (Rock) ซึ่งมีแบคทีเรียดี(Nitrifying
bacteria) อาศัยอยู่(live)
วัตถุประสงค์ของการหินเป็น
1. เป็นที่แอบของปลา
เนื่องจากปลาทะเลส่วนใหญ่จะค่อนข้างขี้กลัวและตกใจง่าย
จึงควรมีซอกหินเพื่อให้แอบได้
2. ตกแต่งตู้ให้ดูสวยงาม ถ้าอนาคตจะเลี้ยงปะการังก็สามารถทำเป็นฐานเพื่อวางปะการังได้
3. สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หินเป็นจะเป็นหัวใจของระบบ แบคทีเรียที่ช่วยย่อยสลายแอมโมเนียจะอาศัยอยู่ในพื้นผิวของหินปะการัง
2. ตกแต่งตู้ให้ดูสวยงาม ถ้าอนาคตจะเลี้ยงปะการังก็สามารถทำเป็นฐานเพื่อวางปะการังได้
3. สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ หินเป็นจะเป็นหัวใจของระบบ แบคทีเรียที่ช่วยย่อยสลายแอมโมเนียจะอาศัยอยู่ในพื้นผิวของหินปะการัง
การเลือกซื้อหินปะการัง
ควรเลือกซื้อหินตาย (Dead rock ) หรือก็คือหินปะการังธรรมดาๆ
นี่แหละครับ
ดูยังไงว่าอันไหนหินเป็น อันไหนหินตาย ?
มันคืออันเดียวกันแหละครับ
แต่เราจะเรียกหินเป็นก็ต่อเมื่อมันอยู่ในน้ำทะเลและมีแบคทีเรีย(Nitrifying
bacteria)เกิดขึ้นครับ เมื่อนำขึ้นจากทะเลตากแดด หรือ แช่ในน้ำประปา ซักพักแบคทีเรียที่มีอยู่ก็ตายหมดแล้วครับ
ทำไมควรเลือกซื้อหินตายมากกว่าหินที่เป็นแล้ว ?
1.
สิ่งมีชีวิตในทะเลมีเยอะครับ ทั้งเชื้อโรค ไวรัส ทั้งแบคทีเรียดี/ไม่ดี
ซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ในหินที่เราซื้อมาบ้าง จึงควรนำมาแช่น้ำเปล่า
ทำความสะอาดก่อนมาตกแต่งตู้ครับ
2.
ราคาถูกกว่าด้วยครับ
จะทำยังไงให้หินตายกลายเป็นหินเป็น ?
ไม่ยากครับ แค่เราใส่ปลาลงไปในตู้ เมื่อมีของเสีย มีอาหาร
แอมโมเนียจะเริ่มเกิดขึ้น แบคทีเรียพวกนี้กินแอมโมเนียครับ มันจะเกิดขึ้นมาเอง
ใจเย็นๆนะครับ
ในบทความหน้า จะพูดการติดปั๊มในตู้ปลา ว่ามีประโยชน์อย่างไรบ้าง และ อุปกรณ์เครื่องทำความเย็น (Chiller) นะครับ