...............................................................................................
โดยหัวพื้นฐานของการทำตู้ปลาทะเล ผมจะขอแบ่งเป็น 4 หัวข้อนะครับ
1.Nitrogen cycle
2. Salinity ความเค็ม
3. ค่า pH
4. วัสดุกรอง Filtration
1.Nitrogen Cycle
Nitrogen Cycle มันคืออะไร ทำไมถึงต้องรู้ มันมีผลกระทบต่อปลาของเราอย่างไร มาดูกันครับ
จากภาพด้านบนนะครับ จุดเริ่มต้นของระบบปิดนั้น ก็เริ่มต้นมาจากการใปล่อยปลาลงตู้ ซึ่งเราก็ต้องให้อาหารควบคู่ไปด้วย โดย ซากอาหารที่เหลือหรือขี้ปลาจะอยู่ในรูปของโปรตีน ที่จะกลายสภาพเป็นแอมโมเนีย ไนไตร์ท ไนเตรท และไนโตรเจน(ก๊าซ) ลอยขึ้นสู่อากาศตามลำดับนะครับ โดยความเป็นพิษที่มีผลต่อปลา แอมโมเนีย จะมีพิษมากที่สุด และไล่เรียง เป็น ไนไตร์ท ไนเตรท ตามลำดับ
การเริ่มของระบบนั้น จะยังไม่มีการเกิด Nitrifying bacteria ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ต่อระบบที่ช่วยสร้างระบบให้วงจร Nitrogen สมบรูณ์ เพราะฉะนั้นในช่วงแรกที่เริ่มตั้งเรายังไม่ควรที่จะปล่อยปลาเป็นจำนวนมากทีเดียว เพราะแอมโมเนียที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถเปลี่ยนรูป ค่าความเป็นพิษจึงขึ้นสูงเร็วมาก การปล่อยปลาแรกเริ่มจำเป็นต้องค่อยๆทยอยปล่อย ทีละ 1-2 ตัว พร้อมกับการวัดค่าน้ำโดยชุด Test เพื่อค่อยๆสร้างระบบขึ้นมาทีละนิด โดยการทำงานของวงจร Nitrogen อย่างละเอียดจะขอพูดถีงทีหลังอีกครั้งหนึ่งนะครับ
2. Salinity ความเค็ม
ในตู้ปลาทะเลนั้นระดับจะต้องน้ำทะเลในการเลี้ยง โดยอาจจะใช้น้ำทะเลจริงๆหรือการเกลือวิทยาศาสตร์ก็ได้ โดย ความเค็มสามารถวัดได้ 2 รูปแบบ 1. วัดเป็น ppm 2. วัดเปรียบเทียบความหนาแน่น โดยใช้อุปกรณ์กล้องวัดความเค็มหรือใช้ตัววัดความหนาแน่นติดข้างตู้ไว้เลยก็ได้ครับ
โดยทั่วไปน้ำในตู้ปลา จะมีการะเหยออกตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะทำให้ความเค็มเพิ่มขึ้น เราควรหมั่นเช็คเพื่อเติมน้ำเปล่าทดแทนส่วนที่ระเหยลงไปเพื่อให้ความเค็มคงที่อยู่ในระดับเดิม
*การะเหย เกลือจะไม่สามารถระเหยได้ มีแต่เพียงส่วนที่เป็นน้ำ เพราะฉะนั้นค่าความเค็มของน้ำจะเพิ่มขึ้นเมื่อน้ำระเหยออกไป
*ค่าความเค็มปกติจะอยู่ในระดับ 25-35 ppm หรือประมาณ 1.020
3.ค่า pH
ถ้า ค่าpH ต่ำกว่า 7 ถือเป็น กรด
ค่าpH สูงกว่า 7 ถือเป็น ด่าง
ซึ่งค่าที่เหมาะสมทางทฤษฎีสำหรับตู้ปลาทะเลนั้น จะอยู่ในช่วง 8.3- 8.5 อย่างไรก็ดี พยายามรักษา pH ให้ไม่ต่ำกว่า 7.8 ก็เพียงพอแล้วครับ
4. วัสดุกรอง Filtration
อย่างที่เคยพูดถึงไปแล้ว นะครับ
ประเภทวัสดุกรอง 1 ชีวภาพ 2. กายภาพ อาจจะมีเป็นอันที่ 3. คือเคมี
1. ประเภทที่ 1 หลักการของวัสดุชนิดนี้คือ ต้องมีพื้นผิวมาก โดยลักษณะทั่วไปจะมีพื้นผิวขรุขระ เป็นรูพรุน เนื่องจากพื้นที่ผิวจะเป็นที่อยู่อาศัยของ Nitrifying bacteria ที่กล่าวไปตอนต้น วัสดุพวกนี้ก็เช่น หินปะการัง หินภูเขาไฟ วัสดุสังเคราะห์ฟิลเตอร์แมท มูฟวิ่งเบส ไบโอบอล เป็นต้น
2. ประเภทที่ 2 เป็นการกรองของเสียออกเพื่อช่วยลดการเกิดขึ้นของแอมโมเนีย เช่น ไยกรอง กรองฟองน้ำ เครื่องปั่นฟอง(Protein Skimmer) เป็นต้น
3. ประเภทที่ 3 การใช้เคมีเข้ามาช่วยเช่น Activated carbon ซึ่งช่วยดูดกลิ่น สี อื่นๆ ครับ
ในบทต่อๆจะขอพูดถึงในเรื่องพื้นฐาน เช่น ตำแหน่งการวางตู้ การเลือกหินปะการัง การซื้อปลา และอื่นๆครับ หวังว่าจะพอเข้าใจและได้ความเพิ่มขึ้นกันนะครับ
วศิน กฤษณะพันธ์
No comments:
Post a Comment